นับปีที่ ๑ การเริ่มต้น
ก่อนหน้าที่จะได้รับการจัดตั้งเป็นกรมสรรพาวุธทหารอากาศนั้น
ที่ตั้งของหมวดอาวุธและแผนกอาวุธ ได้โยกย้ายไปหลายแห่ง ตามสถานการณ์ในขณะนั้น โดยจากจากโรงงานการซ่อม
ย้ายไปอยู่วัดบึงทะเลสาบ รังสิต จากนั้น ย้ายไปอยู่ที่วัดหลักสี่ ปีพ.ศ.2489 ย้ายไปอยู่ที่ กรมช่างอากาศ
บางซื่อ ปี พ.ศ. 2490
ได้ย้ายที่ตั้งใหม่ โดยย้ายมาที่ดอนเมือง ด้านฝั่งทิศตะวันตกของสนามบินดอนเมือง
ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของกองบิน 1 และกองโรงเรียนการบิน
จากการจัดสรรงบประมาณของกองทัพอากาศ
ในปี พ.ศ. 2492 กรมสรรพาวุธทหารอากาศ ได้รับการจัดสรรอาคารถาวรสองหลัง
ซึ่งใช้เป็นกองบังคับการกรมในปัจจุบัน(หมายเลข 101 ) และคลังพัสดุ (หมายเลข 501 ) สถานที่ตั้ง
บริเวณด้านทิศตะวันออกของสนามบินดอนเมือง สถานที่แห่งนี้
ถือเป็นที่ตั้งของกรมสรรพาวุธทหารอากาศ จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2561)
ในช่วงเวลาเริ่มต้น
ของกรมสรรพาวุธทหารอากาศนั้น กำลังพลยอดรวม มีเพียง 51 คน มีการแบ่งส่วนราชการ ตามอัตรา ทอ. 91 โดยแบ่งเป็น กองบังคับการ แผนกเทคนิค แผนกช่างแสง และแผนกคลังแสง
ต่อมา เมื่อมีภารกิจเพิ่มขึ้น
ได้มีการปรับจัดส่วนราชการ ตามอัตรา ทอ. 95 (ผนวก2) ยอดกำลังพลเพิ่มขึ้น รวมเป็น
86 คน
และแบ่งส่วนราชการเป็น แผนกบริการ กองวิทยาการ กองโรงงานสร้างกระสุน กองโรงงานสรรพาวุธ
แผนกยานยนต์และเครื่องมือหนัก และแผนกคลังสรรพาวุธ
การปรับเปลี่ยนโครงสร้างและการจัด เกิดขึ้นเนื่องจาก
การได้รับความช่วยเหลือจากมิตรประเทศ ตามโครงการ
MDAP ( Major Defense Acquisition Program ) ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์
รวมทั้งยานพาหนะ ซึ่งได้จัดหารถยนต์มาใช้เพื่อลำเลียงกระสุนอาวุธโดยเฉพาะ
จากปี พ.ศ. 2491 ถึงพ.ศ. 2498
ที่ท่านเจ้ากรมสรรพาวุธทหารอากาศ พลอากาศตรี หลวงกรโกสียกาจ ดำรงตำแหน่งนั้น
มีการปรับเปลี่ยน และขยายภารกิจของกรมสรรพาวุธทหารอากาศเป็นอย่างมาก ทางราชการได้รับเครื่องบินแบบใหม่ๆ
เพิ่มขึ้น รวมทั้งอุปกรณ์ในด้านการสรรพาวุธทางอากาศ มีมากขึ้น กรมฯ ได้เริ่มส่งนายทหารสรรพาวุธ
ไปศึกษา ณ ต่างประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และเดนมาร์ก สำหรับนายทหารประทวน
ได้มีการเปิดอบรม โดยเรียกตัวมาจากหน่วยต่างๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเข้ารับการอบรม
ในการพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยนั้น
กองโรงงานสรรพาวุธ เริ่มมีการสั่งซื้อเครื่องจักรหรือเครื่องมืออื่นๆ เป็นจำนวนมาก
เพื่อผลิตชิ้นส่วนอาวุธ และทำการซ่อมบำรุงอาวุธต่างๆ เช่น เครื่องจักรสำหรับเหลารางปืน
เครื่องจักรกลและเครื่องมือสำหรับสร้างลำกล้องปืน ทำให้ในการซ่อมบำรุง สามารถซ่อมได้เองโดยไม่ต้องอาศัยหน่วยอื่น
กองโรงงานฯ สามารถซ่อมปืนกลอากาศ และปืนภาคพื้นดินที่ชำรุด รวมทั้งสร้างชิ้นส่วนประกอบของอาวุธทั้งสองประเภท
เริ่มสร้างหัวกระสุนไม้และลูกระเบิดฝึก เพื่อให้มีโอกาสทำการฝึกได้มากขึ้น มีการทำเอกสารคู่มือการใช้อาวุธ
และดำเนินการอบรมเจ้าหน้าที่สรรพาวุธ ให้มีความรู้ทางด้านวิทยาการ และระเบียบงานสรรพาวุธ
และเมื่อได้รับการช่วยเหลือจากมิตรประเทศเพิ่มมากขึ้น จึงได้ขยายคลังสรรพาวุธและสร้างอาคารต่างๆ
เพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก ส่วนมากเป็นอาคารกึ่งถาวร ทั้งนี้ รวมทั้งคลัง ที่ตั้งอยู่ในหน่วยบินต่างจังหวัด
เพื่อเก็บรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์และวัตถุระเบิด รวมถึงมีการวางแนวทางการเก็บรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ให้ถูกแบบแผน
ในการสวัสดิการของหน่วยนั้น ท่านเจ้ากรมสรรพาวุธทหารอากาศ
เป็นผู้บังคับบัญชาที่สอดส่องดูแลทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชาโดยใกล้ชิด
เข้าถึงจิตใจของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น เป็นผลให้ ได้รับความร่วมมือในการปฏิบัติงานได้ดี
ต่อมาโดยการประสานงานอันดีกับหน่วยภายนอก ทำให้กรมสรรพาวุธทหารอากาศ สามารถได้รับเงินอุดหนุนจากส่วนลดสลากกินแบ่งของรัฐบาล
ในปีพ.ศ. 2496 เงินจำนวนนี้ ช่วยแบ่งเบาภาระด้านอื่น เป็นผลให้การสวัสดิการภายในของกรมฯ
ดีขึ้นมาก
สรุป การจัดให้มีหน่วยบริการกระสุนวัตถุระเบิดตามหน่วยบิน
หรือฝูงบินต่างๆ ซึ่งเป็นการสนับสนุนโดยใกล้ชิด ทำให้หน่วยผู้รับบริการ ปฏิบัติภารกิจด้วยความสะดวกเรียบร้อย
การซ่อมบำรุงสรรพาวุธภาคอากาศ นับว่ามีประสิทธิภาพสูง ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะห้วงระยะเวลานี้
อยู่ในระยะเวลาเริ่มต้น ที่กองทัพอากาศไทย ได้รับความช่วยเหลือทางทหาร ตามโครงการฯ
อุปกรณ์และอะไหล่ต่างๆ ได้รับมาอย่างเพียงพอต่อความต้องการ
ในการซ่อมบำรุง แม้ว่าจะขาดช่างชำนาญงานแต่เจ้าหน้าที่เหล่าทหารสรรพาวุธ ซึ่งได้รับทุนช่วยเหลือ
ส่งไปศึกษา และดูงานต่างประเทศ ก็ได้นำเอาประสบการณ์ และวิทยาการมาช่วยขจัดปัญหาเหล่านี้ได้มาก
การซ่อมบำรุงสรรพาวุธภาคพื้นดิน ดำเนินไปในระดับปานกลาง
เพราะกรมสรรพาวุธทหารอากาศ ต้องช่วยเหลือตนเองโดยตลอดทั้งนี้ เพราะช่างชำนาญงานมีจำนวนจำกัด
การฝึกช่างใหม่ให้มีความชำนาญต้องใช้เวลานาน อย่างไรก็ดีกรมสรรพาวุธทหารอากาศ ก็สามารถสนับสนุนหน่วยผู้ใช้ได้เพียงพอ
และทันต่อความต้องการ
(ยังมีต่อ)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น